Big Cleaning Day คืออะไร สำคัญอย่างไรกับออฟฟิศ ?

ในแต่ละวัน ออฟฟิศของเราต้องเผชิญกับฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ตามโต๊ะทำงาน พื้นที่ส่วนกลาง และอุปกรณ์สำนักงาน การรักษาความสะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแค่เพื่อสุขอนามัย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ดังนั้น การใช้บริการทำความสะอาดและจัดกิจกรรม Big Cleaning Day จึงเป็นแนวคิดที่หลายองค์กรนำมาใช้เพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ ลดความเสี่ยงจากเชื้อโรค และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้นอีกด้วย

 

 

Big Cleaning Day คืออะไร ?

Big Cleaning Day คือวันแห่งการทำความสะอาดครั้งใหญ่ภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงาน โดยมีเป้าหมายในการจัดระเบียบพื้นที่ กำจัดสิ่งสกปรก และสร้างบรรยากาศที่สะอาดเป็นระเบียบมากขึ้น ต่างจากการทำความสะอาดทั่วไป โดย Big Cleaning Day เป็นกิจกรรมที่มักกำหนดขึ้นเป็นระยะ เช่น รายเดือนหรือรายไตรมาส และต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากพนักงานทุกคน

จุดประสงค์ของการจัด Big Cleaning Day ในองค์กร

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สภาพแวดล้อมที่สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย จะช่วยลดความรกรุงรังของเอกสารหรือสิ่งของ ลดความสับสนในการหาของ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
  • ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ การใช้บริการรักษาความสะอาด หรือการทำ Big Cleaning Day ด้วยตัวเอง จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค ฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้
  • สร้างวัฒนธรรมการดูแลสถานที่ทำงานร่วมกัน การมีส่วนร่วมของพนักงานช่วยปลูกฝังความรับผิดชอบในการรักษาความสะอาดในพื้นที่ของตนเองและพื้นที่สาธารณะ
  • ปรับปรุงภาพลักษณ์ขององค์กร ออฟฟิศที่สะอาดและเป็นระเบียบจะช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าและผู้มาเยือน

ความแตกต่างระหว่างการทำความสะอาดประจำวันกับ Big Cleaning Day คืออะไร ?

  • การทำความสะอาดประจำวัน มักเป็นกิจวัตรที่แม่บ้านหรือพนักงานทำความสะอาดรับผิดชอบ เช่น กวาดพื้น ถูพื้น เช็ดโต๊ะ และจัดเก็บขยะ
  • Big Cleaning Day เป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ที่จะมีการกำจัดสิ่งของที่ไม่จำเป็น ล้างและฆ่าเชื้อพื้นที่ใช้งาน รวมถึงการจัดระเบียบสิ่งของและอุปกรณ์ในออฟฟิศใหม่ที่ละเอียดกว่าการทำความสะอาดทั่วไป

Big Cleaning Day จำเป็นไหม ?

แม้ว่าการทำความสะอาดประจำวันจะช่วยให้สถานที่ทำงานดูเป็นระเบียบ แต่สิ่งสกปรกและฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในมุมที่มองไม่เห็น อาจส่งผลต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานได้ การจัด Big Cleaning Day จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ที่ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกอย่างล้ำลึก พร้อมทั้งปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น 

ทั้งนี้ หากเจาะข้อมูลให้ลึกลงไป สามารถอธิบายได้ว่าสภาพแวดล้อมที่สกปรกส่งผลกระทบต่อการทำงานอย่างไร และการจัด Big Cleaning Day มีข้อดีอะไรบ้าง ดังนี้

ผลกระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน จากสภาพแวดล้อมที่สกปรก

  • เสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ : ฝุ่นสะสม เชื้อรา และเชื้อโรคในออฟฟิศอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ หวัด หรืออาการระคายเคืองทางเดินหายใจ
  • กระทบสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงาน : โต๊ะทำงานที่รก พื้นที่แออัด หรืออากาศที่ไม่ถ่ายเท อาจทำให้พนักงานรู้สึกอึดอัดและลดความสามารถในการโฟกัสงาน
  • เพิ่มอัตราการลาป่วย : สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทำให้พนักงานเจ็บป่วยบ่อย ส่งผลต่อผลผลิตขององค์กร
  • สร้างความเครียดและความไม่สบายใจ : ออฟฟิศที่สกปรกอาจทำให้พนักงานรู้สึกเครียดและไม่มีความสุขในการทำงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อขวัญกำลังใจและบรรยากาศโดยรวมขององค์กร

ประโยชน์ของการทำ Big Cleaning Day ในออฟฟิศ คืออะไร ?

  • ลดการสะสมของเชื้อโรคและฝุ่นละออง : การทำความสะอาดอย่างทั่วถึงช่วยกำจัดแหล่งสะสมของเชื้อโรคและฝุ่น ลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้
  • เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน : การจัดระเบียบอุปกรณ์และพื้นที่ทำงานช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เช่น การสะดุดล้มจากสิ่งของที่วางไม่เป็นระเบียบ
  • ปรับปรุงบรรยากาศการทำงาน : ออฟฟิศที่สะอาดและเป็นระเบียบช่วยให้พนักงานรู้สึกสบายตา สบายใจ และเพิ่มความกระตือรือร้นในการทำงาน
  • เสริมภาพลักษณ์องค์กร : สถานที่ทำงานที่สะอาด สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าหรือผู้มาติดต่อ

Big Cleaning Day ทำอะไรบ้าง ?

Big Cleaning Day ในออฟฟิศอาจฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่องค์กรสามารถทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย สนุก และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ด้วยวิธีการเหล่านี้

 

 

การวางแผนและจัดตารางทำความสะอาด

  • กำหนดวันและเวลา : เลือกวันที่พนักงานสะดวกและไม่รบกวนการทำงาน อาจเป็นวันศุกร์บ่ายหรือช่วงวันหยุด
  • จัดแบ่งพื้นที่และมอบหมายงาน : แบ่งโซนทำความสะอาดให้แต่ละทีมรับผิดชอบ เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  • เตรียมอุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาด : ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพียงพอสำหรับทุกพื้นที่
  • กำหนดเป้าหมายและลำดับการทำงาน : วางแผนว่าพื้นที่ใดควรทำก่อน-หลัง เพื่อให้กระบวนการทำความสะอาดเป็นไปอย่างราบรื่น

พื้นที่สำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ

  • โต๊ะทำงานและอุปกรณ์ส่วนตัว : จัดระเบียบเอกสาร ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด เมาส์ และโต๊ะเก้าอี้ส่วนตัว
  • ห้องประชุม : ทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ รีโมต ไมค์ ลำโพง และจอโปรเจกเตอร์ รวมถึงตรวจสอบสายไฟหรืออุปกรณ์ที่ต้องบำรุงรักษา
  • พื้นที่ส่วนกลาง : เช่น โถงต้อนรับ ห้องครัว ห้องพักผ่อน และมุมกาแฟ ควรทำความสะอาดพื้นที่ให้เรียบร้อย ตลอดจนดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เคาน์เตอร์ กระถางต้นไม้ พื้นที่สีเขียว ไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ และล้างถังขยะ
  • อุปกรณ์สำนักงาน : เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และโทรศัพท์ ควรเช็ดทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
  • พื้นและมุมที่มักถูกมองข้าม : เช่น มุมห้อง มุมใต้โต๊ะ ขอบหน้าต่าง แอร์ และช่องระบายอากาศ ที่มักมีฝุ่นสะสม ควรดูแลทำความสะอาดให้ครบถ้วน

เคล็ดลับการทำ Big Cleaning Day ให้มีประสิทธิภาพและสนุกสนาน

  • เปิดเพลงสร้างบรรยากาศ เช่น เพลงจังหวะสนุกสนานที่ช่วยให้การทำความสะอาดมีชีวิตชีวามากขึ้น
  • จัดกิจกรรมแข่งขันเล็ก ๆ เช่น ใครจัดโต๊ะได้เป็นระเบียบที่สุด หรือทีมไหนทำความสะอาดเร็วที่สุด
  • ให้รางวัลและสร้างแรงจูงใจ เช่น แจกของขวัญเล็ก ๆ หรือมอบของกินให้พนักงานเพื่อเป็นกำลังใจ
  • กำหนดธีมการทำความสะอาด เช่น แต่งตัวธีมสีเดียวกัน หรือให้พนักงานเลือกเพลงโปรดมาเปิดระหว่างทำงาน
  • ถ่ายภาพ Before-After เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างและสร้างแรงบันดาลใจในการรักษาความสะอาดต่อไป

เพราะ Big Cleaning Day ไม่ใช่แค่การทำความสะอาดทั่วไป แต่เป็นโอกาสในการรีเฟรชสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ สร้างสุขภาพที่ดีให้แก่พนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรคุณ อย่ารอให้ฝุ่นสะสม ลองใช้บริการรับจ้างทำความสะอาดจาก DoingWell ผู้เชี่ยวชาญการบริการรักษาความสะอาดชั้นนำของประเทศไทย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-075-5151 หรือ E-mail : info@doingwell.co.th 

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Top 10 Benefits of Daily Office Cleaning for Your Business in 2025. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 จาก https://www.mnssltd.co.uk/office-daily-cleaning-benefits/